"หมอพลเดช "ให้สัมภาษณ์ทางสถานีวิทยุรัฐสภา
เรื่อง"รูปแบบการแก้ความยากจน" ของจีนและอินเดีย
มีสาระสำคัญที่น่าสนใจ
ดังนี้
1. เมื่อปีคศ.1921 พรรคคอมมิวนิสต์
จีน
ก่อตั้งขึ้นเป็นครั้งแรกที่เซี่ยงไฮ้ ในสภาพที่จีนอ่อนแออย่างที่สุด
ถูกมหาอำนาจตะวันตกเข้ารุมทึ้งแบ่งแผ่นดินกันยึดครอง คนจีนร้อยละ 95. อยู่ในสภาพยากจน
ไร้ศักดิ์ศรี
2.ปีคศ.1949 เหมาเจ๋อตงนำพรรคยึดประเทศจากเจียงไคเช็ค
เปลี่ยนระบอบการปกครองเป็นประเทศสาธารณรัฐประชาชนจีน ปิดประเทศใช้ระบบคอมมูน
เฉลี่ยทุกข์ ช่วยให้คนจีนจำนวนมากพ้นจากภาวะอดตาย แต่ยังยากจนอ่อนแอ
3.ปีคศ.1974 เติ้งเสี่ยวผิง เปิดประเทศ
ใช้ระบบเศรษฐกิจทุนนิยมเข้ามาช่วยอย่างระมัดระวัง เป็นหนึ่งประเทศ สองระบบ
ขับเคลื่อนการพัฒนาอุตสาหกรรมในเมืองชายฝั่งทะเลตะวันออก จนทำให้คนจีน 750 ล้านคนพ้นจากความยากจน เป็นต้นแบบให้สหประชาชาติและธนาคารโลกยกย่อง
4.ปีคศ.2018
สีจิ้นผิงนำพาประเทศจีนขึ้นเป็นมหาอำนาจอันดับสองของโลก
ประกาศจะทำให้ไม่มีคนจนในประเทศจีน โดยคนจนที่เหลืออยู่ 6.5
ล้านคนสุดท้ายจะก้าวพ้นความยากจนได้ทั้งหมดใน ปี 2020
เพื่อเฉลิมฉลอง 100 ปีของพรรคคอมมิวนิสต์จีน
5.สิ่งที่น่าสนใจคือ จีนแก้ความยากจนกลุ่มประชากรกลุ่มสุดท้ายได้อย่างไร
ซึ่งพบว่าจีนใช้นโยบายและแนวทาง "แก้จนแบบมุ่งเป้า"
มุ่งไปที่การช่วยเหลือครัวเรือนยากจนและหมู่บ้านยากจน ใช้การเกษตรนำอุตสาหกรรมหนุน
จัดให้มีพี่เลี้ยงประกอบเป็นรายครัวเรือน ออกแบบโครงการเป็นรายครัวเรือน 1 ครัวเรือน 1 โครงการ มีแฟ้มโครงการรวม 89 ล้านแฟ้ม รัฐบาลจัดงบสนับสนุนแบบตัดเสื้อเฉพาะตัว
รายละเอียดที่มากกว่านี้
สามารถค้นคว้าได้จาก www.csdi.
และ fb .หมอพลเดช
และสถานีวิทยุรัฐสภา
87.5
สามารถดูรายละเอียดเพิ่มเติมได้และฟังจากสถานีได้วิทยุรัฐสภา
CF โก้@Online สื่อกลาง "รัฐสภา"เกียกกาย"
รายงานข่าวโดย บก.เปี๊ยก อิสระ
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น